วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

โลกมนุษย์ สวรรค์ และ อบาย

แม้ว่าตามปกติพวกมนุษย์จะถือว่าเทวดาสูงกว่าพวกตน และพากันอยากไปเกิดในสวรรค์ แต่สำหรับพวกเทวดา เขาถือกันว่า การเกิดเป็นมนุษย์เป็น สุคติ ของพวกเขา ดัง พุทธพจน์ ยืนยันว่า “ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นมนุษย์นี่แล นับว่าเป็นการไปสู่ สุคติ ของเทพทั้งหลาย”

เมื่อเทวดาองค์ใดองค์หนึ่งจะ จุตุ (ตาย) เพื่อนเทพชาวสวรรค์จะพากันอวยพรว่าให้ไปสู่ สุคติ คือไปเกิดเป็นมนุษย์ทั้งหลาย เพราะโลกมนุษย์เป็นถิ่นที่มีโอกาสเลือกประกอบ กุศลกรรม ทำความดีงามต่างๆ และประพฤติปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มที่ (ความชั่วหรือ อกุศลกรรมต่างๆ ก็เลือกทำได้เต็มที่เช่นเดียวกัน)

การเกิดเป็นเทวดาที่มีอายุยืนยาว ท่านถือว่าเป็นการเสียหรือพลาดโอกาสอย่างหนึ่งในการที่จะได้ ประพฤติพรหมจรรย์ (ปฏิบัติตาม อริยมรรค) เรียกอย่างสามัญว่าเป็นโชคไม่ดี พวกชาวสวรรค์มีแต่ความสุข ชวนให้เกิดความประมาทมัวเมา สติไม่มั่น ส่วนโลกมนุษย์มีสุขบ้างทุกข์บ้างปนกันไป มีประสบการณ์หลากหลายเป็นบทเรียนได้มาก เมื่อรู้จักกำหนดก็ทำให้ได้เรียนรู้ ช่วยให้สติเจริญว่องไวทำงานได้ดีเกื้อกูลแก่การฝึกตนและการที่จะก้าวหน้าในอริยธรรม

เมื่อพิจารณาในแง่ระดับแห่งคุณธรรมให้ละเอียดลงไปอีกจะเห็นว่า มนุษย์ภูมิ นั้นอยู่กลางระหว่าง เทวภูมิ หรือสวรรค์ กับ อบายภูมิ มีนรก เป็นต้น

พวก อบาย เช่นนรกนั้น เป็นที่ของคนบาปด้อยคุณธรรม (ธรรมเป็นคุณ ความดีงาม สภาพที่เกื้อกูล) แม้ชาว อบาย บางส่วนจะจัดได้ว่าเป็นคนดี แต่ก็ตกไปอยู่ในนั้น เพราะความชั่วบางอย่างให้ผลถ่วงดึงลงไป

ส่วน สวรรค์ ก็เป็นแดนของคนดีค่อนข้างมีคุณธรรม แม้ว่าชาวสวรรค์บางส่วนจะเป็นคนชั่วแต่ก็ได้ขึ้นไปอยู่ในแดนนั้น เพราะมีความดีบางอย่างที่ประทุแรงช่วยผลักดันหรือฉุดขึ้นไป

ส่วน โลกมนุษย์ ที่อยู่ระหว่างกลาง ก็เป็นประดุจชุมทางที่ผ่านหมุนเวียนกันไปมาทั้งของชาวสวรรค์และชาว อบาย เป็นแหล่งที่สัตว์โลกทุกพวกทุกชนิดมาทำ มาหากรรม เป็นที่คนชั่วมาสร้างตัวให้

เป็นคนดีเตรียมไปสวรรค์ หรือ คนดีมาสุมตัวให้เป็นคนชั่วเตรียมไปนรก ตลอดจนเป็นที่ผู้รู้จะมาสะสางตัวให้เป็นคนอิสระ เลิกทำมาหากรรม เปลี่ยนเป็นผู้หว่านธรรม ลอยพ้นเหนือการเดินทางหมุนเวียนต่อไป

พระธรรมปิฎก  (ป.อ.ปยุตฺโต)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น